Ruen Tubtim เรือนทับทิม 3.97

เรือนทับทิม เป็นรีสอร์ทที่สวยงามอบอุ่นและสดชื่นด้วยอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติที่โอบล้อมซึ่งสถานที่ก็มีความเป็นเอกลักษณ์ และอยู่ติดริมแม่น้ำสายสำคัญอย่างป่าสักและลพบุรี เมื่อพระอาทิตย์ตกแสงสีทองกระทบผิวของแม่น้ำมีประกายสีทองระยิบคงไม่ใช่สิ่งที่หาดูง่ายๆได้แน่นอนในปัจุบัน แต่ก็นับว่าโชคดีที่เราอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงอย่างกรุงเทพ อยุธยาเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและล้ำค่าเราโชคดีที่เกิดเป็นคนไทย และมีสิ่งล้ำค่าอย่างนี้ แค่นั้นยังไม่พอเพราะชาวต่างชาติเองก็เห็นถึงคุณค่าเหล่านี้ตลอดมาเทียบได้จากการหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวและพักอาศัยอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานานแล้วและเรามีของดีอยู่ใกล้แค่เอื้อมอย่างนี้ทำไมเราไม่ลองหาเวลาวันหยุดสั้นๆมาพักผ่อนศึกษาหรือทำตัวใกล้ชิดสิ่งล้ำค่าเหล่านี้หล่ะเที่ยวเมืองไทยเถอะครับ เรา เรือนทับทิมยินดีและขอต้อนรับ ผู้ที่สนใจและต้องการความคุ้มค่าในการพักผ่อน อย่างเต็มที่เพื่อชาร์ตแบตชีวิตการทำงานและอาจจะได้แง่คิดใหม่ในการใช้ชีวิตเป็นของแถมกลับไปอีกด้วย

ประวัติความเป็นมาเรือนทับทิม แบบย่อ
เรือนทับทิมเป็นเรือนแพของต้นตระกูลมีชูธน แพหลังนี้สร้างมาอายุมากกว่าร้อยปี ลอยอยู่ในแม่น้ำป่าสัก เป็นที่เลื่องลือเรื่องความงามสถาปัตยกรรมไทยที่หาดูได้ยากมากในปัจจุบัน เป็นผลงานการแกะสลักลวดลายฉลุที่ช่องลม และ ซุ้มประตูได้อย่างอ่อนช้อย งดงามลงบนไม้สักทองโดยฝีมือช่างไทยในอดีต
คุณตาปลื้ม และคุณยายทับทิม มีชูธน ได้สร้างแพหลังนี้ และอาศัยอยู่กับบุตร ๕ คน ได้แก่นางสอิ้ง มีชูธน, นายสะอาด มีชูธน, นายเสน่ห์ มีชูธน, นายเสนาะ มีชูธน และ นางสาวถนิม มีชูธน
(ต่อมาน.ส.ถนิม มีชูธน ได้เปลี่ยนเป็น นาง ถนิมรัตน์ โสภณวสุ)

แพหลังนี้นอกจากจะมีความสำคัญสำหรับครอบครัวมีชูธนแล้ว ครั้งหนึ่งเรือนแพหลังนี้ยังได้มีโอกาสรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ เมื่อสมัยที่ท่านยังทรงเป็น สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปก สาเหตุที่ทำให้มีการเสด็จมาที่แพหลังนี้ ได้รับการบอกเล่าจากคุณแม่ถนิมรัตน์ ซึ่งเป็นบุตรสาวคนเล็ก และมีอายุห่างจากพี่ ๆ มากว่า สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปก ได้เสด็จมายังเพนียดคล้องช้าง และทรงได้เสด็จประพาสทางน้ำจนมาถึงเรือนแพหลังนี้ คุณยายทับทิมได้มีโอกาสรับเสด็จ และทูลเกล้าถวายพระพุทธรูปทองคำแด่สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปก จากนั้น ทรงพระราชทานเข็มประชาธิปกทองคำแก่คุณยายทับทิม และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้ารับบุตรชาย ทั้ง ๓ คน เข้าศึกษาเล่าเรียน หนังสือต่อที่กรุงเทพ จากนั้นได้ทรงส่งบุตรชายทั้ง ๓ คนไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ณ ประเทศ สหรัฐอเมริกา (คุณสะอาด จบการศึกษาด้านวิศวะกรรมจากมหาวิทยาลัย …….) และประเทศฟิลิปินส์ (คุณเสน่ห์ จบด้านป่าไม้ )และคุณเสนาะได้เข้าทำงานรับใช้วัง
ต่อมาหลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัย จอมพลป.พิบูลสงคราม ได้ออกกฎคำสั่ง โดยต้องการให้ย้ายแพทั้งหมดที่อยู่ในน้ำหรือริมน้ำขึ้นมาอยู่บนบกจึงได้ถูกชลอขึ้นมาไว้บนบก จนถึงทุกวันนี้