วัดพระโต บ้านปากแซง 4.5

บ้านปากแซง ตำบลพะลาน อำเภอนาตาล
Khemmarat, 34170
Thailand

About วัดพระโต บ้านปากแซง

วัดพระโต บ้านปากแซง วัดพระโต บ้านปากแซง is a well known place listed as Buddhist Temple in Khemmarat , Church/religious Organization in Khemmarat , Religious Organization in Khemmarat ,

Contact Details & Working Hours

Details

วัดพระโตหรือเป็นที่เรียกขานจนเป็นที่ติดปากกันทั่วไปว่าวัดปากแซง วัดนี้จะเป็นที่ประดิษฐ์ของพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ เป็นวัดที่สำคัญอีกวัดหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งอยู่ริมฝั่งโขง เป็นวัดที่สวยงาม บรรยากาศดีมาก ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวลาวจะแวะกราบขอพรเจ้าองค์พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ อยู่เป็นประจำทุกวัน จึงขอเรียนเชิญทุกท่านที่ผ่านมาจังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมชมวัด และเก็บความรู้สึกดีกลับบ้านอย่างมีความสุขนะคะ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระโต บ้านปากแซง หมู่ที่ 3 ตำบลพะลาน อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยอิฐผสมปูนขาว ขนาดหน้าตักกว้าง 2.90 เมตร สูง 4.36 เมตร มีอายุเก่าแก่ และเป็นที่เคารพนับถือ ของประชาชนไทยและลาว เนื่องจากพระพุทธรูปองค์นี้เก่าแก่มากและไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ผู้บันทึกได้เรียบเรียงตามคำบอกเล่าของคนแก่ ซึ่งได้เล่าสืบทอดกันมาดังข้อความต่อไปนี้
มีกษัตริย์สมัยขอมพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระยาแข้วเจ็ดถัน ได้เสด็จล่องเรือลงมาตามลำแม่น้ำโขงในฤดูฝน พอถึงบ้านปากแซงก็ค่ำลง จึงได้หยุดประทับแรม 1 คืน วันรุ่งขึ้น พระองค์ได้เสด็จขึ้นไปยังหมู่บ้าน และได้พบกับเจ้ากวนของหมู่บ้านในสมัยนั้น พระยาแข้วเจ็ดถัน ได้ตรัสถามถึงประวัติของหมู่บ้าน เจ้ากวนได้เล่าให้ฟังว่า บ้านนี้มีหาดสวยงามกว้างใหญ่ ในฤดูแล้ง หาดทรายจะโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ และหาดทรายแห่งนี้มีสิ่งอัศจรรย์อยู่คือ ถ้าปีใดหาดทรายโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำระหว่างหมู่บ้าน ประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข เมื่อพระองค์ได้ทราบก็เกิดศรัทธาในใจว่า สักวันหนึ่งจะต้องย้อนกลับมาสร้างหมู่บ้านนี้ให้เป็นเมือง
ในราว พ.ศ. 1154 พระองค์ ก็ได้เสด็จมา พร้อมด้วยข้าทาสบริวารเป็นจำนวนมาก เมื่อเสด็จมาถึง พระองค์จึงได้มอบให้เจ้าแสง (คงจะเป็นนายชั้นผู้ใหญ่) เป็นคนควบคุมการก่อสร้างพร้อมกันนี้ก็ได้สร้างพระพุทธรูปขึ้นองค์หนึ่ง ซึ่งสร้างแล้วเสร็จเมื่อประมาณ พ.ศ. 1180 และขนานนามว่า พระอินทร์ใส่โฉม (ต่อมาเรียก พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ) เมื่อเจ้าแสงก็ถึงกรรมลง ชาวเมืองได้สร้างหอหลักเมืองขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ และขนานนามว่า หอแสง ต่อมาวัดแห่งนี้ก็ขาดคนบูรณะ และกลายเป็นวัดร้าง จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายร้อยปี ควาญช้างในหมู่บ้านนี้ ได้ไปพบพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว และได้บอกบุญชาวบ้านร่วมกันบูรณะวัดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งและต่อมาจึงเปลี่ยน ชื่อวัดเป็น “วัดพระโต”